หมวดหมู่ | เคมีทั่วไป |
ราคา | 350.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
ลงสินค้า | 14 ม.ค. 2560 |
อัพเดทล่าสุด | 17 พ.ย. 2560 |
จำนวน | ถุง |
บอแรกซ์พบได้ในธรรมชาติตามก้นทะเลสาบหลายแห่งที่แห้งในฤดูแล้ง รวมทั้งมักพบปนในดินและน้ำใต้ดินในแถบพื้นที่ใกล้ภูเขาไฟ บอแรกซ์ที่ผลิตในทางการค้าทั้งหมดมาจากธรรมชาติ ประเทศผู้ผลิตที่สำคัญได้แก่ สหรัฐ ชิลี ตุรกี อิหร่าน ธิเบต โรมาเนีย เป็นต้น
บอแรกซ์ประมาณ 70 % ที่ผลิต ถูกใช้เป็นส่วนผสมในการทำแก้วและเซรามิก บอแรกซ์เป็นสารที่มีการใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ใช้สกัดแร่ทองคำ เป็นฟลักซ์ในการเชื่อมโลหะ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านหลายอย่าง เช่น เป็นส่วนผสมในสารทำความสะอาด สบู่ ยาสีฟัน ใช้เป็นสารปรับสภาพน้ำในสระว่ายน้ำ ในภาคเกษตรใช้ทำปุ๋ยให้โบรอนซึ่งเป็นธาตุอาหารรองที่พืชต้องการรวมทั้งสามารถใช้ทำยาเบื่อแมลงเนื่องจากมีความเป็นพิษต่อแมลง บอแรกซ์ถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ ใช้ในการถนอมอาหาร บอแรกซ์สามารถใช้แทนเกลือแกงโดยเฉพาะกรณีที่ไม่ต้องการให้มีรสเค็ม เช่นใช้ดองไข่ปลาคาร์เวียร์เป็นต้น ในเอเชียนิยมใส่ในแป้งให้เหนียวกรุบ ใส่ในลูกชิ้นทำให้เนื้อเหนียวเด้ง
บอแรกซ์เป็นสารที่มีข้อถกเถียงโต้แย้งว่าปลอดภัยหรือมีอันตราย ข้อมูลที่ทั้งสองฝ่ายนำมาเสนอมีความขัดแย้งกันอย่างมาก การรับฟังข้อมูลควรพิจารณา ข้อมูลที่เผยแพร่โดยทางการของประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่อ้างว่าบอแรกซ์มีอันตราย แต่ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้จะยึดถือตาม Wikipedia ภาคภาษาอังกฤษซึ่งให้ระดับอันตรายเท่ากับ 1 คือ อาจก่อเกิดความระคายเคืองเท่านั้น[2]
ความเป็นพิษ (toxicity) บอแรกซ์ไม่มีความเป็นพิษต่อมนุษย์โดยตรง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีผลต่อร่างกายคล้ายการได้รับเกลือแกง (NaCl) อาการเป็นพิษจะเกิดต่อเมื่อได้รับบอแรกซ์เป็นปริมาณที่ค่อนข้างสูงมาก ปริมาณที่เป็นพิษ (median lethal dose) คือ 2.66 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่เกลือแกงจะเกิดเป็นอันตรายต่อร่างกาย กลไกการเกิดพิษและอาการที่ถูกพิษก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับการได้รับเกลือแกงมากเกินขนาด
ความเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง (carcinogen) ในอดีตเคยมีรายงานการทดลองทางการแพทย์อ้างว่าการให้หนูทดลองรับประทานบอแรกซ์ในปริมาณที่สูงมากๆติดต่อกันหลายปีอาจทำให้เป็นมะเร็งได้ ในสหรัฐ EPA ออกข้อจำกัดการใช้บอแรกซ์ในปี พ.ศ. 2489 อย่างไรก็ตามผลการทดลองทางการแพทย์นี้มีข้อเคลือบแคลง เนื่องจากเทียบเท่ากับการใช้ปริมาณบอแรกซ์ที่สูงมากติดต่อกัน 5-10 ปี ซึ่งไม่ใช่เงื่อนไขที่จะเป็นจริงในทางปฏิบัติ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 EPA ได้ประเมินใหม่ว่าไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าบอแรกซ์มีอันตรายหรืออาจก่อให้เกิดมะเร็ง การประเมินซ้ำในปี พ.ศ. 2549 ยืนยันว่าไม่พบความเป็นอันตรายของบอแรกซ์ [3]
ในปัจจุบันหลายประเทศยังคงห้ามใช้บอแรกซ์เป็นส่วนผสมในอาหารรวมทั้งประเทศไทย
https://th.wikipedia.org/wiki/น้ำประสานทอง
สามารถกดคลิ๊กแล้ว Add Line หรือ โทรหาทางร้านได้เลยครับ
( เฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น )
E-Mail :: pee.chem@gmail.com